เที่ยวต่างประเทศ เที่ยวรอบโลก

เที่ยวบาร์เซโลน่า ซากราดร้า ฟามิเรีย, คาซ่า บัตโล่, คาซ่า มิล่า ผลงาน อันโตนีโอ เกาดี้ 

เที่ยวบาร์เซโลน่า

มาต่อกันในวันที่ 3 และ 4 ของทริปนี้ครับ ใครยังไม่ได้ติดตามโพสแรกของผมกับไปอ่านได้ทึ่ลิงค์นี้เลยครับ

เที่ยวยุโรปด้วยตัวเอง ครั้งแรก 4 ประเทศ 9 เมือง งบคนละ 70,000

ากตอนที่แล้ว เราอยู่ที่ เมืองมาดริด นะครับ วันที่ 10 เมษา เราก็ออกเดินทางกันแต่เช้า นั่งรถไฟความเร็วสูง รอบ 7.30 น. ที่ต้องออกเช้าขนาดนี้ก็เพราะเราจองช้า ตั๋วเต็มเลยได้ตั๋วเช้าหน่อย แต่ก็ดีครับจะได้มีเวลาเที่ยวที่บาร์เซโลน่า นานๆหน่อย โดยเรามาขึ้นรถที่ สถานีรถไฟ Madrid Puerta De Atocha ซี่งสถานีนี้น่าจะเป็นสถานที่ใหญ่เพราะมีรถไฟรายสายมาผ่านที่สถานีนี้ Atocha คล้ายๆหัวลำโพงบ้านเราเลย หาทางขึ้นรถไฟไม่ยากครับ ค่ารถไฟจาก มาดริด ไปถึง บาร์เซโลน่า ประมาณ 1900 บาท ครับ ใช้เวลาประมาณเกือบ 3 ชม. ได้ครับ แต่นั่งสบายๆครับ ซื้อขนมปังขึ้นไปทานบนรถได้ครับ กินแล้วก็นั่งหลับแปปเดียวเท่านั้นถึงแล้ว

พอถึงเราก็นั่ง metro ต่อไปที่พักของเราเลย ต่อ 3 สายกันเลยทีเดียว แต่ถ้านั่ง bus ก็ถึงใกล้ๆโรงแรมเลย แต่เราเลือกที่จะนั่ง metro ครับ แล้วก็เดินนิดนึงไม่ไกลครับไม่น่าเกิน 5 นาที ก็ถึงที่พักของเรา รอบนี้เราจอง Great-house แบบ private รวม 2 ห้องนอน ครับ จะเป็นห้องใหญ่ 1 ห้อง พอเข้าไปมีแยกเป็น 2 ห้องครับ มีห้องน้ำแยกด้วย โอเคมากครับ บอกเลยว่าคิดไม่ผิดที่เลือกที่นี่ ชื่อที่พัก Violeta boutique แนะนำเลยครับ ลองเข้าไปดูกันนะครับ ผมจองผ่าน hotel.com มั้งนะครับ ถ้าจำไม่ผิด ราคาสำหรับห้องที่เราพักห้องสูทนี้ ตกคืนละ 4300 นะครับ ซึ่ง 4 คน ตกคนละ 1000 นิดๆ ต่อคืน ถือว่าถูกมากๆครับ ได้ห้องส่วนตัว กับคุณภาพขนาดนี้และอยู่ใจกลางเมืองแบบนี้

ลืมถ่ายหน้าประตูทางเข้าไว้ แต่พอเข้ามาก็ประมาณนี้ครับ รู้สึกว่าจะมีหลาย hostel อยู่ในนี้ครับ เดินขึ้นไปชั้น 3 ถ้าจำไม่ผิด เข้าไป check in และเอากุญแจครับ พนักงานน่ารักครับ อธิบายทุกอย่างเลยครับ อธิบายไปยิ้มไป ที่พักนี้จะออกแนวๆครับ

ระเบียงรวมครับ ใครๆก็มาใช้ได้ครับ ตอนแรกพวกเราก็กะจะมานั่งดื่มกันตอนกลางคืนครับ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ลงมาครับ เพราะอะไรหรือครับ เพราะบนห้องเราก็มีระเบียงครับ มาดูกันว่าห้องจะเป็นอย่างไรบ้าง

ห้องใหญ่ครับ มีสองห้องนอน แต่ละห้องก็มีห้องน้ำครับ

มีระเบียง 2 ฝั่งเลยครับ อีกฝั่งจะเป็น outdoor เลยครับ ส่วนอีกฝั่ง indoor ครับ เราไปอยู่ในฝั่ง indoor ครับ มีกระจกปิดอีกที เพราะช่วงที่ไปยังเย็นๆหนาวๆนิดๆครับ เสียดายถ่ายรูปมานิดเดียวเอง

ด้านหลังที่มองออกจากระเบียงครับ ดูๆตึกรกคล้ายๆบ้านเราเลยเนอะ อิอิ

พอเข้าห้องเก็บกระเป๋าเสร็จแล้ว เราก็ออกไปลุยกันทันทีครับ วันนี้เรากะเดินชมเมืองไปเรื่อยๆครับ ยังไม่มีจุดมุ่งหมายอะไรมาก เพราะกะไว้วันรุ่งขึ้นเราค่อยไปตามจุดดังๆครับ วันนี้เราจะเดินไปหาอะไรกินที่ตลาดสดแถว ถนน ลารัมบลา (La Rambla) ถนนสายนี้นักท่องเที่ยวจะมาเดินชมเมืองแล้วก็หาอะไรกินกันแถวนี้เยอะครับ  แต่วันนี้เรามาถึงน่าจะเป็นวันอาทิตย์ครับ พอเดินไปถึงตลาด เค้าปิดกันหมดเลย รู้สึกเสียดายไม่ได้มากินอาหาร local เลย แต่คิดไว้คงจะแวะมาใหม่วันรุ่งขึ้น นี่แหละครับ ความสนุกของการมาเที่ยวด้วยตัวเอง แพลนจะเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาครับ อยากไปไหน ต่อไหน นั่งชิลไหนนานหน่อย ตรงไหนไม่ชอบก็แค่ผ่านๆไป

ถนนจะเป็นแบบนี้ไปตลอดทางเลยครับ จะมีฟุตบาทตรงกลางใหญ่ๆ แล้วก็มีถนนสองข้างเล็กๆ มีร้านอาหารตั้งกลางฟุตบาทนี้เลยร้านเลยครับ เราก็ได้แวะนั่งกินข้างนั่งดืมเบียร์เย็นๆกันอยู่นานครับ

คุ้นๆเลยใช่ไหมครับ เมือคืนก่อนเพิ่งไปกินกันที่มาดริดมาบาร์เซโลน่าก็มากินอีก ติดใจข้าวผัดสเปน ปาเอย่า มากๆครับ ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปบรรยากาศรอบๆมาครับ ถ่ายแต่รูปคน หมายถึงรูปพวกเราอ่ะครับ ถ้าเห็นรูปไหนสวยๆ แสดงว่าผมไปหารูปจากที่อื่นมานะครับ จะได้ดูสถานที่กันครบๆนิดนึง ^^

ตรงนี้จะเป็น อนุสาวรีย์โคลัมบัส ใครไม่รู้จัก คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ตามไปอ่านกันก่อนได้เลย

บาร์เซโลน่า เป็นเมืองท่าครับ บรรยกาศดีมากๆเลยครับ

สรุปวันนี้เราก็เดินลุยเมืองกันอยู่หลายจุดครับ สุดท้ายก็เริ่มจะไม่ไหวกันแล้วเลยกลับที่พักกันครับ โดยข้าวมื้อดึกของเรา ก็คือขนมปัง แล้วก็อะไรง่ายๆ ที่ซื้อใน supermarket กับ KFC ครับ พร้อมเครื่องดื่ม อย่าง ไวน์ local ครับ จากที่เราได้ลองมา ไวน์สเปนอะไรเกือบทุกตัวเลยครับ กินง่ายเข้าใจง่ายมากกก จะเป็นไวน์จาก Rioja กินง่ายทุกตัวเลยครับ ไม่เชื่อลองหามากินดูครับ ซื้อของจาก supermarket ประหยัดมากๆครับ

วันนี้เบาๆกับไวน์ 1 ขวด เพราะตื่นกันเช้ามาก และเดินตลอดทั้งวัน ไว้คืนพรุ่งนี้ค่อยจัดหนัก

วันที่ 2 ของการ เที่ยวบาร์เซโลน่า ครับ

วันหลักๆเราจะไปลุย สถาปัตยกรรม ของ อันโตนิโอ เกาดี้

คาซ่า บัตโล่ (Casa Batllo)

เริ่มต้นด้วย คาซ่า บัตโล่ (Casa Batllo) เป็นบ้านของ คนรวยคนหนึ่งที่ได้ให้ เกาดี้ ออกแบบและสร้างขึ้นมา โดยมันเริ่มต้นก่อสร้างมาตั้งเเต่ปี ค.ศ.1877 โดยมีตระกูลบัตโล่ที่ร่ำรวยในเมืองบาร์เซโลน่าเป็นเจ้าของ โดยจุดเด่นที่สวยงามอย่างมากก็คือบริเวณหลังคาที่ได้ไอเดียมาจากหลังของมังกร ส่วนกระเบื้องที่มีสีสันนั้นก็มีลักษณะเป็นเกล็ดมังกรที่สวยงามอย่างมาก โดยบ้านที่อยู่ติดๆ กันจะเป็น Casa Amatller ที่มีความสวยงามไม่เเพ้กันเลย ราคาค่าตั๋วนั้นอยู่ที่เรทราคาคนละ 21.50 ยูโร ซี่งเราไม่ได้เข้าไปด้านในครับ แต่เด่วจะหารูปภายในมาให้ดูกันนะครับ

ที่ต่อไปนะครับ อยู่ใกล้ๆกันเลย

คาซ่า มิล่า (Casa Mila) 

คาซ่า มิล่า Casa Mila  นั้นมีชื่อเรียกกันอีกอย่างว่า บ้านสาหร่าย โดยบ้านเเห่งนี้นั้นก็อยู่ห่างจาก Casa Batllo เเหล่งท่องเที่ยวดังไม่ไกลมากนัก บ้านหลังนี้นั้นก็เป็นอีกหนึ่งในผลงานของสถาปนิกชื่อดังอย่าง อันโตนีโอ เกาดี้ ปัจจุบันนั้นบ้านเเห่งนี้ยังมีผู้คนอยู่อาศัยอยู่จริงๆ อีกด้วย นับว่าเป็นอีกหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสวยงามเเละน่าสนใจ คาซ่า มิล่า นั้นสร้างเสร็จในปี ค.ศ.1910 เปิดให้คุณเข้าชมในเวลา 9.00 น. จนถึงเวลา 20.00 น. โดยปิดหนึ่งชั่วโมง เเล้วมาเปิดอีกทีในเวลา 21.00 น. จนถึงเวลา 23.00 น. ซึ่งราคาของตั๋วเข้าชมก็จะอยู่ที่ 35 ยูโรต่อคน แพงมากกก สรุปพวกเราก็ไม่ได้เข้าไปนะครับ

ที่ต่อไปนะครับเป็น Highlight ของการมา เที่ยวบาร์เซโลน่าเลยก็ว่าได้

ซากราดร้า ฟามิเรีย (Sagrada Familia)

 

ซากราดร้า ฟามิเรีย Sagrada Familia หรือที่ภาษาสเปนจะเรียกว่า La Sagrada Familia โดยสร้างตั้งเเต่ ค.ศ.1882 ได้มีการออกเเบบให้โบสถ์เเห่งนี้เป็นสถาปัตยกรรมในเเบบโกธิค ที่เเฝงคาตาลันโมเดิร์นนิสต์อาร์คิเทค ผสมผสานกับอาร์ตนูโวเสียได้ลงตัวสวยงามเป็นอย่างมากเลยทีเดียว จากการออกเบบชั้นครูของตัวเขาเอง โดยมีการกำหนดให้มีดีเทลเกี่ยวกับพระเยซู เเละเรื่องราวของ 3 wise men ให้นักท่องเที่ยวเเละผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมได้เรียนรู้เรื่องราวที่บริเวณด้านหน้าเหนือบานประตู

ซากราดร้า ฟามิเรีย ที่ อันโตนีโอ เกาดี้ ออกเเบบนั้นถือว่ามีความเลิศหรูเเละล้ำสมัยอย่างมากด้วยการไม่ใช้ลักษณะของเส้นตรงเเละมุมฉากเลย เเละกลับมีเเต่เส้นสายลายโค้งที่ท้าทายทฤษฎีทางด้านวิศวกรรมศาสตร์เป็นอย่างมากเลยทีเดียว

การก่อสร้างจึงดำเนินต่อไป เเต่มีความล่าช้าอย่างมาก เพราะเงินทุนที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจารัฐ เเต่เป็นเงินทุนจากภาคเอกชนเเละเงินทุนส่วนตัวมากกว่า จนในปีค.ศ. 1926 อันโตนีโอ เกาดี้ ก็ประสบอุบัติเหตุจากการก่อสร้างเสียชีวิตที่ไซต์งานเเห่งนี้งานดำเนินไปได้เเค่ 25 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง ถึงปี ค.ศ.2010 ก็สร้างเสร็จไปเเค่ 50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่าจะสามารถก่อสร้างให้เเล้วเสร็จได้ภายในปี ค.ศ.2026 ซึ่งจะครบรอบ 100 ปี ในการเสียชีวิตของ อันโตนีโอ เกาดี้ พอดี เรามาดูกัน ถ้าสร้างเสร็จแล้วมันจะมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร

ซากราดร้า ฟามิเรีย นั้นจะเปิดให้ผู้สนใจเเละนักท่องเที่ยวเข้าชมตั้งเเต่เวลา 9.00 น. จนถึงเวลา 20.00 น. โดยจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเป็นรอบๆ แนะนำให้ซื้อตั๋วจากใน internet มาก่อนนะครับ http://www.sagradafamilia.org/ โดยต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 15 ยูโร

จากนั่นเราก็ยังไปเที่ยวในอีกหลายๆแห่งแต่ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปมา และบางทีก็ไม่ได้ไปตามแพลนที่เราตั้งไว้ เวลาค่อยข้างจำกัด และเราก็ใช้เวลาไปตามหน้างานเลยครับ เด่วผมจะหารูปจากที่อื่นมาผสมให้ดูด้วยละกันครับ

ตกเย็นเราก็กลับมาที่ตลาดสด ถนนลารัมบลา หลังจากที่เมือวานมาแล้วตลาดปิด

ขอขอบคุณ ภาพจาก http://www.barcelona-tourist-guide.com/en/ramblas/barcelona-las-ramblas.html

และในที่สุดเราก็เลือกร้านที่จะนั่งกินกันในตลาดนี้เลย ของสดๆทั้งนั้นเลย

พออิ่มเราก็ไปห้าง shopping กันนิดนึงแล้วก็แวะ supermarket อีกตามเคย ซื้อของกินเล็กๆน้อยๆ พร้อมด้วยเครื่องดื่มฉลองกันสักหน่อยคืนนี้ จัดไปเบาๆ ไวน์ 3 คน

 จบทริปสำหรับการ เที่ยวบาร์เซโลน่า

ติดตามโพสต่อไป เราจะบินไป เที่ยวปารีส ฝรั่งเศษ ครับ ด้วยสายการบิน low cost ที่เพื่อนๆจะต้องงง มันถูกกว่านั่งรถไฟฟ้าความเร็วสูงสะอีก

Published in Reviews