ซากราดร้า ฟามิเรีย (Sagrada Familia) ไฮไลท์สำคัญเเห่งบาร์เซโลน่า

เที่ยว Sagrada Familia

นักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวนไม่น้อยที่ชื่นชอบการเดินทางมาท่องเที่ยวยุโรปอย่างมากเลยทีเดียว เพราะดินเเดนในเเถบนี้นั้นเหมาะสมเเก่การท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ทั้งความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวเเละอากาศที่มีอุณหภูมิเหมาะสมในการเดินทางท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง เเต่ก็มีอยู่ประเทศหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในการท่องเที่ยวก็คือ สเปน ที่มีความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวอยู่หลายต่อหลายเเห่งด้วยกัน โดยหนึ่งในนั้นก็คือเมืองใหญ่อย่างบาร์เซโลน่า ที่มีความใหญ่โต เก่าเเก่ เเละมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เเสนจะสวยงามหลายต่อหลายเเห่งด้วยกันอย่างที่ ซากราดร้า ฟามิเรีย ก็นับว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของบาร์เซโลน่าเลยทีเดียว ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวบาร์เซโลน่าคนเเล้วคนเล่นไม่มีใครที่จะไม่มาเยือนโบสถ์เก่าเเก่เเห่งนี้เลยก็ว่าได้ เพราะหากคุณไม่มาเยือนเเล้วเหมือนคุณจะมาไม่ถึงบาร์เซโลน่าเลยก็ว่าได้

สำหรับความเป็นมาของ Sagrada Familia หรือที่ภาษาสเปนจะเรียกว่า La Sagrada Familia นั้นก็มีอยู่ว่าเเต่เริ่มเเรกเดิมที่นั้นโบสถ์เเห่งนี้ถูกก่อสร้างขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์ในการเป็นโบสถ์สามัญประจำชุมชนเท่านั้นเอง ซึ่งก็คือเหมือนโบสถ์เเห่งอื่นๆ นั่นเเหละ โดยสร้างตั้งเเต่แ ค.ศ.1882 จน อันโตนีโอ เกาดี้ สถาปนิกเอกเเห่งยุคในเวลานั้นมาพบเจอเข้า เเละต้องการจะปรับปรุงโบสถ์ที่ยังสร้างไม่เสร็จเเห่งนี้ให้กลายเป็นสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของเขา โดยเขาได้เสนตัวเข้ามาเป็นผู้ออกเเบบเพิ่มเติมจากสถาปนิกคนเเรก ซึ่งเเน่นอนว่าในเวลานั้นก็ไม่มีใครคัดค้านเพราะชื่อเสียงของเขาที่มีอย่างมากในเมืองบาร์เซโลน่า โดยได้มีการออกเเบบให้โบสถ์เเห่งนี้เป็นสถาปัตยกรรมในเเบบโกธิค ที่เเฝงคาตาลันโมเดิร์นนิสต์อาร์คิเทค ผสมผสานกับอาร์ตนูโวเสียได้ลงตัวสวยงามเป็นอย่างมากเลยทีเดียว จากการออกเบบชั้นครูของตัวเขาเอง โดยมีการกำหนดให้มีดีเทลเกี่ยวกับพระเยซู เเละเรื่องราวของ 3 wise men ให้นักท่องเที่ยวเเละผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมได้เรียนรู้เรื่องราวที่บริเวณด้านหน้าเหนือบานประตู

เเบบของ ซากราดร้า ฟามิเรีย ที่ อันโตนีโอ เกาดี้ ออกเเบบนั้นถือว่ามีความเลิศหรูเเละล้ำสมัยอย่างมากด้วยการไม่ใช้ลักษณะของเส้นตรงเเละมุมฉากเลย เเละกลับมีเเต่เส้นสายลายโค้งที่ท้าทายทฤษฎีทางด้านวิศวกรรมศาสตร์เป็นอย่างมากเลยทีเดียว เเต่ก็ได้รับการยอมรับกันว่ามีความสวยงามเเละเเบบของเขาก็ไม่ได้รับการคัดค้านเเต่อย่างใด การก่อสร้างจึงดำเนินต่อไป เเต่มีความล่าช้าอย่างมาก เพราะเงินทุนที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจารัฐ เเต่เป็นเงินทุนจากภาคเอกชนเเละเงินทุนส่วนตัวมากกว่า จนในปีค.ศ. 1926 อันโตนีโอ เกาดี้ ก็ประสบอุบัติเหตุจากการก่อสร้างเสียชีวิตที่ไซต์งานเเห่งนี้ ทำให้การก่อสร้างนั้นต้องหยุดชะงักลง ทั้งๆ ที่งานดำเนินไปได้เเค่ 25 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง เเละหลังจากนั้นก็มีสถาปนิกรุ่นใหม่ๆ เขามาออกเเบบเพิ่มเติมจากที่ อันโตนีโอ เกาดี้ ออกเเบบไว้ เเต่ได้รับการคัดค้านจากผู้คนทั่วไป เพราะต้องการให้สร้างตามเเบบเดิมที่มีการออกเเบบไว้ เเละมีการก่อสร้างเรื่อยมา หยุดสร้างบ้างในช่วงเวลาเพราะเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งสงครามกลางเมือง สงครามที่นายพลฟรังโก้บุกบาร์เซโลน่า เเละเงินทุนหมด จาเข้าล่วงมาถึงปี ค.ศ.2010 ก็สร้างเสร็จไปเเค่ 50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง ถือว่าเป็นการก่อสร้างที่ล่าช้าอย่างมาก เนื่องจากส่วนประกอบหลายๆ อย่างนั้นเทคโนโลยีในการก่อสร้างในยุคปัจจุบันเพิ่งจะตามทัน อย่างการสกัดหินเป็นรูปโค้งต่างๆ ที่มีความยากอย่างมาก

หลังจากการเเข่งขันกีฬาโอลิมปิกในปี ค.ศ.1992 ที่บาร์เซโลน่านั้น ทาง Sagrada Familia ได้รับเงินบริจาคเข้ามาอย่างมากมาย จนสามารถมีเงินพอที่จะสามารถดำเนินการก่อสร้างโบสถ์เเห่งนี้ต่อให้เเล้วเสร็จได้ ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่าจะสามารถก่อสร้างให้เเล้วเสร็จได้ภายในปี ค.ศ.2026 ซึ่งจะครบรอบ 100 ปี ในการเสียชีวิตของ อันโตนีโอ เกาดี้ พอดี โดยสภาพในปัจจุบันนั้นหลังคาของโบสถ์สามารถปิดได้เเล้ว เเละบางชิ้นก็เริ่มมีสภาพที่ดำเพราะป่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน ส่วนบางส่วนก็ยังขาวอยู่เพราะเป็นบริเวณที่เพิ่งทำเสร็จไป โดยภาพที่คุณเห็นนั้นจะยังมีเครนติดตั้งอยู่บนยอดของโบสถ์เพื่อใช้ในการติดตั้งชิ้นส่วนต่างๆ อยู่ เเละเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเพื่อนำเข้าตั๋วเข้าชมไปใช้ในการก่อสร้าง นับว่าเป็นอีกโบสถ์ที่ก่อสร้างมาอย่างยาวนานเป็นอย่างยิ่ง

หนึ่งในบุคคลที่ว่ากันว่ามีความทุ่มเทให้กับ ซากราดร้า ฟามิเรีย อย่างมากเลยก็คงหนีไม่พ้น อันโตนีโอ เกาดี้ สถาปนิกชื่อดังชาวสเปน โดยประวัติของเขานั้นมีความน่าสนใจไม่น้อยเเละฉายเเววความเป็นอัจฉริยะมาตั้งเเต่ยังเด็กๆ โดยเขาเกิดเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ในปี ค.ศ.1852 ที่เขตทาราโกนา ในเมืองบาร์เซโลนา ที่ตั้งอยู่ในเเคว้นคาตาโลเนีย โดยเขาเป็นบุตรชายของ Francese Gaudi Serra และ Antonio Corneti Bertran โดยในวัยเด็กนั้นเขาเป็นคนไม่ค่อยเเข็งเเรงมากนัก เพราะป่วยเป็นโรคปวดในข้อ ซึ่งเป็นโรคประจำตัวของเขาไปจนเสียชีวิต เเละเนื่องจากการที่เขาเป็นคนที่ไม่เเข็งเเรงมากนักทำให้ช่วงเวลาวัยเด็กหมดไปกับการวาดภาพเล่น เพราะไม่สามารถออกไปวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ ได้ จนล่วงเข้ามาสู่ช่วงการศึกษาในชั้นมัธยม เขาก็เริ่มมีผลงานลงตีพิมพ์ในหน้าหนังสือพิมพ์ ต่างๆ เเละหลังจากนั้นเขาก็เข้าเรียนที่คณะวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ มหาวิทยาลัยบาร์เซโลนา เเละเข้าเรียนต่อในวิชาสถาปัตยกรรมศาสตร์ที่ The Escola Provincial d’ Arquitectura ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองบาร์เซโลนา เเละระหว่างที่เรียนอยู่นั้นเขาก็หารายได้เสริมระหว่างเรียนด้วยการเป็นผู้ช่วยสถาปนิกที่มีชื่อเสียงหลายต่อหลายคน โดยเขาเข้าร่วมทำงานในโครงการฟื้นฟูโบสถ์ซากราดา ฟามิลิยา และโบสถ์อื่น ๆ ก่อนที่จะจบการศึกษาอีกด้วย ทำให้เขามีประสบการณ์อย่างมาก เเละได้รับรางวัลมากมาย โดยหนึ่งในนั้นคือรางวัลจากการประกวดการออกแบบโคมไฟถนนในเมืองบาร์เซโลนา เเละผลงานของจริงก็ได้รับการติดตั้งในปีถัดมานั่นเอง เเละการทำงานของเขาก็สามารถสร้างผลงานได้ดีอย่างมาก เเละสะสมชื่อเสีย จนกลายมาเป็นสถาปนิกที่มีชื่อเสียงอย่างมากในเมืองบาร์เซโลน่า โดยจะว่าไปเเล้วเขาน่าจะมีธีมของการเป็นศิลปินมากกว่าสถาปนิกเสียอีก เพราะผลงานหลายต่อหลายชิ้นนั้นเเสดงให้เห็นถึงจินตนาการที่ลำเลิศเป็นอย่างมากเลยทีเดียว โดยพื้นฐานทางความคิดของเขานั้นมาจากการศึกษาที่มีมาอย่างยาวนาน เเละสุดท้ายเขาก็ได้เข้าร่วมกลุ่ม Modernista ในสเปน เเละสร้างสรรค์ผลงานมาอย่างมากมายรวมทั้งผลงานชิ้นเอกอย่าง คาซ่า บัตโล่ เเละ Sagrada Familia

นักท่องเที่ยวที่มาเยือน Sagrada Familia นั้นหากไม่มีเวลามากจะถ่ายรูปที่ด้านนอกก็เข้าท่าไม่เลวเหมือนกัน เพราะมีความสวยงามอยู่ เเต่ต้องบอกเลยว่าภายในของโบสถ์เเห่งนี้นั้นมีอะไรที่น่าสนใจเป็นอย่างมากอยู่มากมาย โดยสถาปัตยกรรมภายในนั้นมีความเเตกต่างจากโบสถ์อื่นๆ ในโลกเเห่งนี้ อย่างทางเดินเเละเเท่นพิธีนั้นก็มีความเเปลกตาเเละสวยงามเป็นอย่างยิ่ง โดยเมื่อคุณมองขึ้นไปบนเพดานของโบสถ์ก็จะมีความยิ่งใหญ่เเละสวยงามเป็นอย่างมาก โดยคอนเซปต์ของโบสถ์เเห่งนี้จะเป็นในเรื่องของธรรมชาติ โดยเสาเเละเพดาของโบสถ์นั้นก็ได้เเรงบันดาลใจมาจากต้นไม้ โดยปลายของเเต่ละเสานั้นจะมีเเฉกออกไปเพื่อรับน้ำหนัก โดยมีเรื่องเล่ากันว่าในขั้นตอนออกเเบบเสานั้น อันโตนีโอ เกาดี้ จะเอาด้ายมาผูกบนคานก่อน แล้วเอาถุงทรายมาถ่วงน้ำหนัก จนเมื่อทั้งสองด้านเท่ากันก็จะเริ่มวางโครงสร้างเสาตาม นับว่าเป็นวิธีการก่อสร้างที่ล้ำสมัยอย่างมากในยุคนั้น โดยหากคุณมองโบสถ์เเห่งนี้จากระยะไกล จะเห็นตัวโบสถ์เป็นสีน้ำตาลดูทะมึนน่ากลัว เเต่หากเข้ามาดูในระยะใกล้ๆ เเล้ว จะพบมามียอดต่างๆ ที่ประดับประดาไปด้วยลูกกลมๆ ที่มีสีสวยงานในเเบบโมเดิร์น ซึ่งบรรยากาศภายในของโบสถ์เเห่งนี้นั้นจะมีความเป็นงานศิลปะแบบอาร์ตนูโว โดยที่บานประตูทั้งหน้าเเละหลังนั้นจะเป็นรูปสลักเรื่องราวของศาสนาคริสต์ ส่วนกระจกสีด้านในนั้นจะมีการจากรึกชื่อของนักบุญต่างๆ เอาไว้ โดยบนเพดานที่สูงที่สุดนั้นจะมีคำว่า Carlos ซึ่งเป็นภาษากรีกที่เเปลว่า พระเจ้า ส่วนออร์แกนของโบสถ์เเห่งนี้นั้น จะมีถึง 1,492 ท่อ เเละเพิ่งทำการติดตั้งเมื่อปี ค.ศ.2010 ที่ผ่านมานี่เอง เเละมีการติดตั้งยังจุดอื่นๆ ภายในโบสถ์อีก ซึ่งนับๆ รวมกันเเล้วก็มีกว่า 8,000 ท่อ

โดยด้านล่างของโบสถ์ ซากราดร้า ฟามิเรีย นั้นใช้สำหรับเป็นที่ประกอบพิธีกรรมต่างๆ ในปัจจุบัน โดยส่วนถัดไปนั้นก็จะมีพิพิธภัณฑ์ที่จะจัดเเสดงเรื่องราวของการก่อสร้างโบสถ์เเห่งนี้อีกด้วย โดยมีภาถ่ายต่างๆใน อดีต เเละใกล้ๆ กันก็จะเป็นห้องทำงานของสถาปนิกเเละคนงานที่ยังคงทำงานก่อสร้างกันอยู่ในปัจจุบัน นอกจากนี้เเล้วก็ยังมีเเบบจำลองของโบสถ์ที่ออกเเบบไว้ด้วย ให้นักท่องเที่ยวเเละผู้ที่มาเช้าชมได้รับรู้ว่าเมื่อสร้างเสร็จเเล้วจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ส่วนข้างๆ ของโบสถ์นั้นจะมีโรงเรียนตั้งอยู่อีกด้วย โดยเป็นโรงเรียนที่สร้างขึ้นเพื่อให้ลูกของคนงานได้มาเรียนกัน โดยในช่วงเเรกนั้นมี 3 ห้องเรียน เเละเป็นการออกเเบบของ อันโตนีโอ เกาดี้ โดยผนังนั้นมีความโดดเด่นด้วยการเป็นลอนคลื่น ส่วนหลังคานั้นก็มีความโค้งเว้า ให้ความรู้สึกพลิ้วไหวอ่อนโยนเป็นอย่างมาก นับว่ามีความสวยงามเเละน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง พร้อมกับเป็นสถานที่ที่ให้แรงบันดาลใจแก่บรรดาศิลปินที่ชื่นชอบในผลงานของสถาปนิกเอกแห่งเมืองบาร์เซโลน่า

โดยสำหรับโบสถ์ ซากราดร้า ฟามิเรีย นั้นจะเปิดให้ผู้สนใจเเละนักท่องเที่ยวเข้าชมตั้งเเต่เวลา 9.00 น. จนถึงเวลา 20.00 น. โดยจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเป็นรอบๆ โดยมีการจำกัดปผู้เข้าชมในเเต่ละรอบอีกด้วย ซึ่งคุณสามารถจองตั๋วเข้าชมเเบบออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ http://visit.sagradafamilia.cat/?lang=en#tickets โดยต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 15 ยูโร ซึ่งการเดินทางมายังที่นี่นั้นก็ง่ายดายเพียงเเค่คุณใช้บริการของรถไฟใต้ดินของเมืองบาร์เซโลน่า โดยให้คุณมาลงที่สถานี Sagrada Familia จากนั้นก็เลือกออกที่ทางออก L5 เเละ L2 เดินขึ้นมาก็จะพบกับโบสถ์เเห่งนี้ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่เเล้ว หรือบางทีก็อาจจะพบกับเเถวเข้าคิวในการซื้อตั๋วเข้าชมอยู่ด้วยก็ได้ เราเเนะนำให้คุณจองตั๋วทางออนไลน์จะดีที่สุด เพราะในเเต่ละวันนั้นจะมีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจมาเที่ยวชมยังโบสถ์เเห่งนี้กันอย่างมากมายเลยก็ว่าได้

ติดตาม มองต์คูอิก (Montjuic) เนินเขาที่เเสนจะสวยงาม สถานที่เที่ยวสเปน

Published in เที่ยวบาร์เซโลน่า